DuckDuckGo เสิร์ชเอนจินเพื่อความเป็นส่วนตัวออกผลสำรวจเรื่องการใช้ฟีเจอร์ Do Not Track หรือ “อย่าตามรอย” เพื่อติดตามการใช้งานฟีเจอร์นี้ โดยทำการสำรวจผู้ใช้สหรัฐฯ 503 คนในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

Do Not Track เป็นฟีเจอร์ที่เบราว์เซอร์จะส่งสัญญาณเพื่อขอความร่วมมือเว็บไซต์และเว็บเซอร์วิสที่ผู้ใช้กำลังเข้าใช้งานว่าผู้ใช้ไม่ต้องการให้ตามรอย แต่เนื่องจากเป็นการขอความร่วมมือ ดังนั้นเว็บไซต์จะทำหรือไม่ก็ได้ ปัจจุบันเบราว์เซอร์เจ้าใหญ่ก็มีฟีเจอร์นี้ทั้งนั้น

จากผลสำรวจของ DuckDuckGo ระบุว่า มีเพียง 24.4% ของผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งาน DuckDuckGo ต่อวันเท่านั้นที่เข้ามาจากเบราว์เซอร์โดยเปิดฟีเจอร์ Do Not Track แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ผู้ใช้ที่เปิดฟีเจอร์นี้จำนวนมากไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงการส่งสัญญาณเพื่อขอความร่วมมือเท่านั้น

No Description

DuckDuckGo ระบุว่า Do Not Track เหมือนกับการปักป้ายไว้หน้าบ้านว่า “อย่ามองเข้ามาในบ้าน” ในขณะที่คุณเปิดม่านทุกบาน ซึ่ง DuckDuckGo ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้ง Google, Facebook และ Twitter ต่างก็ไม่สนใจการตั้งค่านี้เลย และที่น่าสนใจคือ 77.3% ของคนทำผลสำรวจไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น ชื่อ Do Not Track นี้จึงถือเป็นการชี้นำในทางที่ผิดอย่างมหันต์

นอกจากนี้ DuckDuckGo ระบุว่า เมื่อได้อธิบายถึงฟังก์ชันที่แท้จริงและข้อจำกัดของ Do Not Track ให้ผู้ใช้ฟังแล้ว และถามคำถามว่า “มันจะสำคัญแค่ไหนถ้าบริษัทเทคโนโลยีใหญ่อย่าง Google, Facebook และ Twitter เคารพสัญญาณ Do Not Track เมื่อมันเปิดใช้งานในเบราว์เซอร์” ผู้ตอบแบบสอบถาม 75.5% ตอบว่า “สำคัญ” และ “สำคัญมาก” ซึ่งผู้ใช้ระบุว่าการที่พวกเขาบอกว่าเขาไม่อยากถูกติดตาม ก็คือไม่อยากถูกติดตามจริง ๆ

และเมื่อถามคำถามว่า “คุณสนับสนุนระดับไหนถ้ามีการกำกับดูแลระดับสหพันธรัฐที่กำหนดให้บริษัทและเว็บไซต์เคารพสัญญาณ Do Not Track” ผู้ใช้ราว 71.97% ตอบว่า “ค่อนข้างสนับสนุน” และ “สนับสนุนมาก”

DuckDuckGo สรุปว่า Do Not Track เหมือนกับโหมดท่องเว็บแบบเป็นส่วนตัวหรือ Private Browsing คือเป็นตัวเลือกที่หาเจอได้ง่ายมากในเบราว์เซอร์ แต่ล้มเหลวในการทำให้คนเข้าใจว่ามันทำงานยังไง และทำอะไรไม่ได้ ซึ่งความไม่เข้าใจการทำงานอย่างแท้จริงทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับความเป็นส่วนตัวดังที่คาดหวังไว้จากการเปิดใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้

ที่มา – DuckDuckGo