เหตุผลหลักๆ ที่ผู้คนนิยมใช้งาน Mac
- ตัวเครื่องของ Mac นั้นมีดีไซน์ที่เบาบาง สวย มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เวลาหยิบเอาออกมาใช้งาน คนรอบข้างก็ให้ความสนใจตลอด
- ระบบการปฏิบัติการมีความเสถียรสูง สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะอย่างยิ่งกับสายงานที่ทำเกี่ยวกับโปรดักชั่น ทำกราฟฟิกหนักๆ อย่าง ช่างภาพ ช่างตัดต่อวิดีโอ
- แอปต่างๆ ที่แถมมากับตัวเครื่องนั้นก็ให้มาครบจบทุกความต้องการพื้นฐาน แบบไม่ต้องไปเสียเวลาหาโหลดเพิ่มเลย อย่างเช่น Pages, Keynote, Number, iMovie, Preview ฯลฯ
- คนที่ใช้ Mac ก็จะไม่มีเรื่องไวรัสมาให้กวนใจอีกด้วย
เหล่านี้เป็นที่จะบอกว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงได้ใช้ Mac กันเยอะนัก คราวนี้ก็จะมาพูดถึง MacBook แต่ละรุ่นกันบ้างว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไร ถ้างั้นมาเริ่มกันเลยละกัน!
MacBook Air
มาเริ่มกันด้วย MacBook Air กันดีกว่า นอกจากตัวเครื่องจะเบาบางเพียง 1.7 เซนติเมตร พกพาสะดวกเหมาะอย่างยิ่ง ที่ต้องเดินทางทุกวัน ซึ่งสะดวกกับการหิ้วไปไหนมาไหน รวมไปถึงการทำงาน เสนองานสถานที่ที่ต้องการความคล่องตัวด้วยความบาง เบา ทำให้ MacBook Air เหมาะกับการทำงานชิลๆ ทั้งวันสบายๆ พกพาไปไหนมาไหนได้แบบไม่รู้สึกเป็นภาระ แต่ก็ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อที่มากพอใช้งานทั่วไป
ทำให้ MacBook Air ตอบโจทย์สุดๆ อีกทั้งยังมาพร้อมจอภาพแบ็คไลท์แบบ LED ความละเอียด 1440 x 900 พิกเซล ให้สีสันที่สวยสดใสสมจริงทุกการรับชม รวมถึงโปรเซสเซอร์ Intel Core i5 และ i7 (เจนเนอเรชั่น 5) รวมถึง Intel HD Graphics 6000 ที่จะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกมส์ เรียกได้ว่าตั้งแต่ทำงานง่ายๆ ไปจนกราฟฟิกหนักๆ ก็รับไหวสบายมาก
นอกจากนี้ MacBook Air ก็ยังมาพร้อมแบตเตอรี่สุดอึด ที่ชาร์จแค่ครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง นานจริงๆ ทำงานครึ่งวันเหลือๆ ทำให้สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องกังวลเลยว่าที่ไปนั่งทำงานนั้นจะมีปลั๊กไฟให้เสียบชาร์จไฟไหม พร้อมแทร็คแพดที่กว้าง ทำงานแบบ Multi-Touch ที่ใช้นิ้ว วาด ลาก ปัด เพื่อเลื่อนดูเอกสาร เพื่อแตะ คลิก ขยายไฟล์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ส่วนการทำงานหนัก MacBook Air ถือว่าพอไหว แต่อาจไม่ลื่นไหลและไม่ทันใจนัก ถ้าหากเป็นคนทำงานหนักบ่อยๆ แนะนำให้ขยับไปหา MacBook Pro ดีกว่า หรือจะซื้อ iMac แล้วซื้อ MacBook Air เป็นเครื่องสำรองก็ได้
MacBook Pro
เป็น MacBook ที่ออกแบบมาล้ำสุดๆ เหนือทุกการใช้งาน เอาใจคนที่รักความสะดวกด้วย Touch Bar ซึ่งมีปุ่มฟังก์ชันต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง, ปุ่มปรับระดับความสว่าง, ขยาย, ย่อ หรือจะรับโทรศัพท์บน iPhone และปุ่มอื่นๆอีกมากมายให้มาอยู่ในรูปแบบ Touch Bar ซึ่งเป็นแถบกระจกที่ทำงานแบบ Multi-Touch รวดเร็วทันใจสุดๆ
ในส่วนของระบบปฏิบัติการ ก็มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core i7 (เจนเนอเรชั่น 7) แบบ Quad-core ความเร็วสูงสุด 3.1GHz ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับมือกับงานที่ไม่ว่าจะโหด หนักหน่วงขนาดไหนก็เอาอยู่
นอกจากนั้นหน้าจอภาพแบ็คไลท์แบบ LED สามารถแสดงสีสันได้มากกว่า sRGB ถึง 25% ซึ่งเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดที่ Mac เคยผลิตออกมาเลย คิดดูสิว่าภาพมันจะออกมาสวยงาม สดใส ขนาดไหน พร้อมระบบความปลอดภัยของข้อมูลด้วย Touch ID หรือจะตั้งหลายๆ User สลับกันใช้ไป-มาก็ยังได้ รวมไปถึงตัวเครื่องที่บางเฉียบพกไปเรียนได้แบบชิลๆ ในส่วนของแบตเตอรี่ ก็ใช้ได้นานสุด 10 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยพอร์ต Thunderbolt 3 ที่มีแค่พอร์ตเดียวก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะถ่ายโอนข้อมูล ชาร์จไฟ หรือส่งสัญญาณภาพก็สามารถทำได้สะดวกรวดเร็ว
- สรุปถ้าใช้งานเบาๆ อย่างงานเอกสาร MacBook Air ก็เพียงพอ
- ถ้าเน้นสายกราฟฟิก เขียนโปรแกรมหรือสายตัดต่อวิดีโอแนะนำว่าควรซื้อ MacBook Pro
